“จะใช้ท่าเรือไหนที่จีน เพื่อให้ได้ต้นทุนขนส่งที่ถูกที่สุด” เชื่อว่าคนทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนต้องเคยเจอปัญหานี้กันมาบ้างแล้ว หลายคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่า แค่เลือกท่าเรือที่ใกล้โรงงานหรือโกดังสินค้ามากที่สุดก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง มันยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ซับซ้อนกว่านั้นอีกเยอะนะคะ จากประสบการณ์นึงที่ทรายเคยเจอ ลูกค้าต่อราคาสินค้าจนได้ราคาที่ถูกมาก ๆ แล้ว แต่มาพลาดตรงที่ใช้ท่าเรือไม่เหมาะสม ทำให้เสียค่าขนส่งของภายในประเทศจีนเกินความจำเป็น ผลกระทบจากการเลือกใช้ท่าเรือที่ผิด ทำให้มีต้นทุนแฝง, ค่าขนส่งบานปลาย ซึ่งกระทบกับกำไรโดยตรงเลยนะคะ
ในบทความนี้ ทรายไม่เพียงแต่จะมาบอกว่า ท่าเรือในจีนมีที่ไหนบ้าง แต่จะขอแชร์ข้อมูลที่เป็นประสบการณ์โดยตรงที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ ทำให้ผู้ที่ได้เข้ามาอ่านได้เลือกท่าเรือในจีนที่ทำให้ประหยัดต้นทุนค่าขนส่งได้จริง เพื่อให้กำไรของคุณจะได้มีเพิ่มมากขึ้น
สารบัญ
Toggleทำไมการเลือกท่าเรือในจีนถึงได้สำคัญกับการนำเข้าสินค้า
ทรายขอยกตัวอย่างของลูกค้าเคสนึงมาเป็นเคสตัวอย่าง เรื่องมีอยู่ว่าลูกค้าท่านนี้สั่งเก้าอี้หวายจากโรงงานที่อยู่ในเมืองชิงเต่า ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของจีน โดยชิปปิ้งเจ้าเดิมที่เค้าใช้แนะนำว่าให้ใช้ท่าเรือกว่างโจว ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีน โดยให้เหตุผลว่าค่าระวางเรือง (Ocean Freight) ถูกกว่า ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วมันถูกว่าแค่ไม่กี่พันบาทเอง แต่กลับเป็นว่าต้องเสียค่ารถลากตู้คอนเทนเนอร์ข้ามจากทางเหนือลงมาทางใต้ ซึ่งระยะทางจากจีนตอนเหนือมาตอนใต้มันกว้างใหญ่มากเลยนะคะ ทำให้เสียค่าใช้จ่ายขนส่งภายในประเทศแพงกว่าค่าเรือที่ประหยัดไปได้เป็นเท่าตัวเลยค่ะ ซึ่งเป็นต้นทุนแฝงที่ไม่สามารถเห็นได้ในใบเสนอราคา แล้วยังต้องมานั่งลุ้นอีกว่า ของจะไปถึงท่าเรือทันไหน ด้วยการที่เสียเวลาไปกับการขนส่งทางบกเกินความจำเป็น ทำให้มีความเสี่ยงที่ของจะตกรอบเรือได้ สรุปคือลูกค้าท่านนี้เสียทั้งค่าขนส่งทั้งหมดสูกขึ้น แล้วยังเสียเวลาไปอีกเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว
จากเคสตัวอย่างที่ยกมา จะเห็นว่า เรื่องต้นทุนค่าขนส่งภายในประเทศจีน ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังส่งผลถึงระยะเวลาในการขนส่งอีกด้วย ดังนั้นการที่เราเลือกท่าเรือที่อยู่ใกล้กับโรงงานหรือโกดังสินค้าจึงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรกที่ต้องนำมาพิจารณาในการเลือกท่าเรือ แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีอีกปัจจัยนึง ได้แก่ ความเชี่ยวชาญของแต่ละท่าเรือ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะท่าเรือบางแห่งอาจจะมีความถนัดในเรื่องการจัดการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่บางท่าเรือถูกออกแบบมาเพื่อขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ดังนั้นการเลือกท่าเรือให้ตรงกับประเภทสินค้าที่เราสั่งมา ก็จะช่วยให้กระบวนการทั้งหมดราบรื่น ทั้งหมดนี้มีผลกระทบต่อกำไรของเราโดยตรงค่ะ
แนะนำ 10 ท่าเรือที่สำคัญในจีนที่คนนำเข้าจำเป็นต้องรู้จัก
- ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Port)
ถือว่าเป็นท่าเรือเบอร์หนึ่งของจีน เป็นท่าเรือที่ใหญ่และมีความคึกคัดมากที่สุดในโลก มีความถนัดในการจัดการตู้คอนเทนเนอร์เป็นอย่างมาก ข้อดีที่เด่นมาก ๆ ก็คือ รองรับสินค้าได้เกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ - ท่าเรือหนิงโป-โจวซาน (Ningbo-Zhoushan Port)
อยู่ไกลกับเมืองเซี่ยงไฮ้ เป็นท่าเรือน้ำลึกจึงรองรับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มาก ๆ ได้อย่างสบาย ทำให้ถ้าคิดถึงเรื่องน้ำหนักสินค้าที่ผ่านการขนส่งจากที่นี่ ถือว่ามีน้ำหนักสินค้าที่เยอะที่สุดในโลก - ท่าเรือเซินเจิ้น (Shenzhen Port)
เมืองเซินเจิ้น ถือว่าเป็นเมืองหลวงของสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ จึงมีสินค้าประเภทนี้ถูกส่งออกจากท่าเรือนี้เป็นหลัก - ท่าเรือกว่างโจว (Guangzhou Port)
เมืองกว่างโจว ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางการค้าของสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นเป็นสถานที่จัดงานแฟร์ที่สำคัญของจีน จึงเป็นแหล่งรวมสินค้าแฟชั่น, ของใช้ในบ้าน รวมไปถึงของจุกจิก ซึ่งมักจะถูกส่งออกจาท่าเรือนี้เยอะทีเดียว - ท่าเรือชิงเต่า (Qingdao Port)
เมืองชิงเต่าอยู่ทางตอนเหนือของจีน เป็นท่าเรือที่ทันสมัยและไฮเทคที่สุดที่นึงของโลก มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นท่าเรืออัตโนมัติก็ว่าได้ ทำให้สามารถจัดการตู้คอนเทนเนอร์ได้เร็วที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นประตูสู่เกาหลีและญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นประตูการค้าที่สำคัญของจีน - ท่าเรือเทียนจิน (Tianjin Port)
ถือว่าเป็น “ประตูทางทะเลของจีน” เพราะอยู่ใกล้เมืองหลวงปักกิ่งมากที่สุด จึงไม่ใช่แค่ท่าเรือธรรมดา แต่ถือว่าเป็นศูนย์กลางโลจิติกส์ขนาดใหญ่ของจีนตอนเหนือ - ท่าเรือฮ่องกง (Hong Kong Port)
ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษ ท่าเรือนี้มีความคึกคักในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก จุดเด่นของที่นี่คือเป็นท่าเรือปลอดภาษี (Free Port) นั่นหมายความว่าสินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งผ่านท่าเรือนี้จึงไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร การเดินเอกสารจึงมีความคล่องตัวเป็นอย่างมาก เหมาะกับสินค้าที่ต้องการขนส่งต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก - ท่าเรือเซียะเหมิน (Xiamen Port)
ท่าเรือนี้ตั้งอยู่ตรงข้างกับไต้หวันเลย จึงเป็นเหมือนประตูการค้าหลักระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวัน อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อของ “เส้นทางสายไหมทางทะเล” (Maritime Silk Road) ที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังประเทศในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของเราด้วยค่ะ - ท่าเรือต้าเหลียน (Dalian Port)
ถือว่าเป็นท่าเรือที่สำคัญที่สุดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน จุดเด่นของท่าเรือนี้คือเป็นท่าเรือที่อยู่เหนือสุดของจีนที่ไม่มีช่วงไหนเลยที่น้ำเป็นน้ำแข็ง ทำให้สามารถขนส่งสินค้าได้ตลอดทั้งปี รวมถึงเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมหนักและสินค้าทางการเกษตรของภูมิภาคนี้ - ท่าเรือฝอซาน (Foshan Port)
เมืองฝอซานถือว่าเป็น “เมืองหลวงของเฟอร์นิเจอร์” เป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดที่นึงของโลก จึงมีการจัดการที่เชี่ยวชาญเรื่องการขนส่งเฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง รวมถึงกระเบื้อง
เช็กลิสต์ง่าย ๆ ในการตัดสินใจเลือกท่าเรือจีน
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับท่าเรือในจีนไปแล้ว แต่ยังสับสนตัดสินใจไม่ถูกว่าควรเลือกท่าเรืองไหนที่เหมาะสมที่สุด ทรายมีเช็คลิสต์ง่าย ๆ ที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกท่าเรือมาฝากค่ะ
ลำดับแรกที่มีความสำคัญมากที่สุด คือ ต้องพิจารณาเรื่องที่ตั้งของโรงงานหรือซัพพลายเออร์ มีหลักการที่ง่ายมาก ๆ ก็คือ ยิ่งที่ตั้งของโรงงานอยู่ใกล้กับท่าเรือมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยประหยัดเงินค่าขนส่งในประเทศที่ส่งมาถึงท่าเรือได้มากขึ้น ลำดับต่อมาคือ ประเภทสินค้าที่นำเข้าคืออะไร ด้วยความที่จีนมีแหล่งผลิตสินค้าที่แยกเมืองกันอย่างชัดเจน อย่างเช่น เมืองเซินเจิ้นเป็นแหล่งรวมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เมืองฝอซานเป็นแหล่งผลิตประเภทเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้นการเลือกท่าเรือของเมืองนั้น ๆ จึงเหมาะสมที่จะใช้ขนส่งสินค้าออกมาที่สุด และลำดับสุดท้ายถ้าเป็นมือใหม่ไม่เคยนำเข้าสินค้าด้วยตัวเอง ทรายแนะนำว่าให้ปรึกษาชิปปิ้ง แต่ควรพิจารณาเลือกชิปปิ้งที่มีประสบการณ์ด้วยนะคะ เพราะจะรู้ว่าเส้นทางไหนคุ้มค่าและได้รับของเร็วที่สุด
ทำให้เรื่องนำเข้าสินค้าเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ 1688Shipping ช่วยคุณได้
หากคุณไม่มีประสบการณ์ในการนำเข้า หรืออยากลดขั้นตอนที่ยุ่งยากออกไป 1688Shipping.com ของเราพร้อมให้คำแนะนำในการนำเข้าสินค้าจากจีนกลับไทยแบบครบวงจร เราไม่ได้เป็นแค่บริษัทขนส่ง แต่อยากให้มองว่าเราคือผู้ช่วยส่วนตัวของคุณ ที่จะคอยให้คำปรึกษาและจัดการเรื่องยุ่งยากแทนคุณทั้งหมด ตั้งแต่การให้คำปรึกษาเรื่องท่าเรือ, การจัดการด้านเอกสาร, การรีแพ็คสินค้า, การจัดการด้านภาษีศุลกากร, การติดตามสินค้า ไปจนถึงขนส่งสินค้ามาส่งมอบจนถึงมือคุณ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ต้องจัดการเอกสารที่ท่าเรือเองไหม
ถ้าคุณเป็นผู้นำเข้าสินค้าด้วยตัวเอง คุณจำเป็นจะต้องจัดการเอกสารเองค่ะ แต่ถ้าใช้บริการจาก 1688shipping.com คุณไม่จำเป็นต้องจัดการเอกสารแต่อย่างใด เราจัดการทำแทนให้ทั้งหมดค่ะ
ระยะเวลาขนส่งทางเรือจากจีนมาไทย ใช้เวลานานเท่าไหร่
โดยปกติแล้วช่วงเวลาที่เรืออยู่ในทะเล จะใช้เวลาประมาณ 10-20 วัน ไม่นับรวมเวลาทั้งก่อนเรือออกและหลังเรือเทียบท่าที่ไทย ซึ่งผู้ให้บริการชิปปิ้งจะสามารถช่วยประเมินระยะเวลาทั้งหมดให้ทราบได้แม่นยำกว่า